0001 " คำพิพากษาของศาลย่อมเป็นอันเด็ดขาด"
0002 " ผู้เสียหายเท่านั้นจึงมีอำนาจฟ้องคดี "
0003 " ถ้าโจทก์ไม่นำสืบจำเลยย่อมพ้นผิด "
0004 " หน้าที่นำสืบย่อมตกอยู่แก่โจทก์ "
0005 " ความเป็นธรรมนั่นแหละคือความเสมอภาค "
0006 " ผู้กระทำหรือผู้ยินยอมพร้อมใจด้วยย่อมมีโทษดุจกัน "
0007 " การอำพรางต่างกับการทำเฉย "
0008 " ผู้รับโอนย่อมมีสิทธิเช่นเดียวกับผู้โอน "
0009 " ความยินยอมย่อมกำจัดเสียซึ่งความผิดพลาด "
0010 " คำสารภาพที่ให้ในศาลย่อมมีน้ำหนักมากกว่าการพิสูจน์อื่นใด "
0011 " การตีความในกฎหมายย่อมไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย "
0012 " หนี้ย่อมไล่ตามตัวลูกหนี้ "
0013 " เป็นลูกหนี้ย่อมไม่สันนิษฐานว่าจะให้เงินโดยเสน่หาแก่เจ้าหนี้ "
0014 " อาชญากรรมยังผลให้ทุกสิ่งซึ่งเกิดขึ้นจากการนั้นเป็นโมฆะ "
0015 " ผู้มีอำนาจกระทำสิ่งใหญ่ย่อมมีอำนาจกระทำสิ่งย่อยด้วย "
0016 " กฎหมายไม่นำพาในสิ่งเล็กน้อย "
0017 " ดุลพินิจคือการวินิจฉัยโดยอาศัยกฎหมายว่าอะไรยุติธรรม "
0018 " สัญญาซึ่งทำขึ้นโดยกลฉ้อฉล กฎหมายไม่รับรองบังคับบัญชาให้ "
0019 " บ้านของบุคคลใดย่อมเป็นที่รโหฐานของบุคคลนั้น "
0020 " ของกำนัลซึ่งลักลอบให้ ย่อมเป็นสิ่งที่มีพิรุธเสมอ "
0021 " การให้สมบูรณ์เมื่อผู้รับได้ครอบครองของให้นั้น "
0022 " สิ่งที่ให้ย่อมจะไม่สันนิษฐานว่าเป็นการให้โดยเสน่หา "
0023 " เมื่อข้อความใดเคลือบคลุม ในการตีความต้องละเว้นสิ่งที่ไร้ผลและสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ "
0024 " กฎหมายนอนหลับบางคราวแต่ไม่เคยตาย "
0025 " ผู้ที่ถูกบังคับให้เชื่อฟังย่อมไม่ต้องรับผิด "
0026 " ความฉ้อฉลของตนย่อมไม่ก่อให้เกิดสิทธิฟ้องร้องกล่าวหาบุคคลอื่นได้ "
0027 " ข้อยกเว้นจะต้องตีความโดยเคร่งครัด "
0028 " สัญญาไม่อาจเกิดขึ้นจากการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมาย "
0029 " ไม่มีการฟ้องร้องโดยอ้างสัญญาที่ไม่ชอบ "
0030 " บุคคลวิกลจริตไม่มีเจตนา "
0031 " จงประสาทความยุติธรรมแม้ฟ้าจะถล่มก็ตามที "
0032 " ผู้ซึ่งปกปิดการฉ้อย่อมกระทำการฉ้อเอง "
0033 " ความไม่รู้ข้อเท็จจริงเป็นข้อแก้ตัวได้ "
0034 " ความไม่รู้ในสิ่งซึ่งกฎหมายถือว่าต้องรู้ไม่เป็นข้อแก้ตัว "
0035 " ความไม่รู้กฎหมายไม่เป็นข้อแก้ตัว "
0036 " การไร้ความสามารถคงเป็นข้อแก้ตัวได้ตามกฎหมาย "
0037 " เมื่อมีสิทธิเสมอกันแล้ว ผู้ครอบครองทรัพย์สินย่อมมีสิทธิดีกว่า "
0038 " ในคดีอาญาทั้งมวล ควรจะพิสูจน์ให้ประจักษ์แจ้งดั่งแสงตะวัน "
0039 " กฎหมายรับรู้กับสิ่งที่อยู่ใกล้กับเหตุเท่านั้น "
0040 " สองผิดจะไม่ทำให้เป็นถูกขึ้นเลย "
0041 " ในพินัยกรรมนั้นเราจักต้องค้นหาเจตนารมณ์ของผู้ตายให้จงได้ "
0042 " ตุลาการควรคำนึงถึงความยุติธรรมเสมอ "
0043 " สิทธิมหาชนย่อมมาก่อนสิทธิเอกชน "
0044 " กฎหมายออกโดยอำนาจนิติบัญญัติ จะเลิกไปก็โดยอำนาจนิติบัญญัติ "
0045 " กฎหมายย่อมเคารพต่อความเป็นธรรม "
0046 " ความยุติธรรมไม่เป็นสิ่งที่จะพึงปฏิเสธหรือผัดผ่อน "
0047 " กฎหมายย่อมช่วยผู้บริสุทธิ์ "
0048 " กฎหมายย่อมมุ่งถึงสิ่งอนาคตไม่ใช่สิ่งอดีต "
0049 " กฎหมายท้องถิ่นย่อมใช้บังคับแก่การกระทำในท้องถิ่นนั้น "
0050 " ผู้ปล่อยคนผิด คือ ผู้สร้างความหวาดเกรงให้แก่ผู้บริสุทธิ์ "
0002 " ผู้เสียหายเท่านั้นจึงมีอำนาจฟ้องคดี "
0003 " ถ้าโจทก์ไม่นำสืบจำเลยย่อมพ้นผิด "
0004 " หน้าที่นำสืบย่อมตกอยู่แก่โจทก์ "
0005 " ความเป็นธรรมนั่นแหละคือความเสมอภาค "
0006 " ผู้กระทำหรือผู้ยินยอมพร้อมใจด้วยย่อมมีโทษดุจกัน "
0007 " การอำพรางต่างกับการทำเฉย "
0008 " ผู้รับโอนย่อมมีสิทธิเช่นเดียวกับผู้โอน "
0009 " ความยินยอมย่อมกำจัดเสียซึ่งความผิดพลาด "
0010 " คำสารภาพที่ให้ในศาลย่อมมีน้ำหนักมากกว่าการพิสูจน์อื่นใด "
0011 " การตีความในกฎหมายย่อมไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย "
0012 " หนี้ย่อมไล่ตามตัวลูกหนี้ "
0013 " เป็นลูกหนี้ย่อมไม่สันนิษฐานว่าจะให้เงินโดยเสน่หาแก่เจ้าหนี้ "
0014 " อาชญากรรมยังผลให้ทุกสิ่งซึ่งเกิดขึ้นจากการนั้นเป็นโมฆะ "
0015 " ผู้มีอำนาจกระทำสิ่งใหญ่ย่อมมีอำนาจกระทำสิ่งย่อยด้วย "
0016 " กฎหมายไม่นำพาในสิ่งเล็กน้อย "
0017 " ดุลพินิจคือการวินิจฉัยโดยอาศัยกฎหมายว่าอะไรยุติธรรม "
0018 " สัญญาซึ่งทำขึ้นโดยกลฉ้อฉล กฎหมายไม่รับรองบังคับบัญชาให้ "
0019 " บ้านของบุคคลใดย่อมเป็นที่รโหฐานของบุคคลนั้น "
0020 " ของกำนัลซึ่งลักลอบให้ ย่อมเป็นสิ่งที่มีพิรุธเสมอ "
0021 " การให้สมบูรณ์เมื่อผู้รับได้ครอบครองของให้นั้น "
0022 " สิ่งที่ให้ย่อมจะไม่สันนิษฐานว่าเป็นการให้โดยเสน่หา "
0023 " เมื่อข้อความใดเคลือบคลุม ในการตีความต้องละเว้นสิ่งที่ไร้ผลและสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ "
0024 " กฎหมายนอนหลับบางคราวแต่ไม่เคยตาย "
0025 " ผู้ที่ถูกบังคับให้เชื่อฟังย่อมไม่ต้องรับผิด "
0026 " ความฉ้อฉลของตนย่อมไม่ก่อให้เกิดสิทธิฟ้องร้องกล่าวหาบุคคลอื่นได้ "
0027 " ข้อยกเว้นจะต้องตีความโดยเคร่งครัด "
0028 " สัญญาไม่อาจเกิดขึ้นจากการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมาย "
0029 " ไม่มีการฟ้องร้องโดยอ้างสัญญาที่ไม่ชอบ "
0030 " บุคคลวิกลจริตไม่มีเจตนา "
0031 " จงประสาทความยุติธรรมแม้ฟ้าจะถล่มก็ตามที "
0032 " ผู้ซึ่งปกปิดการฉ้อย่อมกระทำการฉ้อเอง "
0033 " ความไม่รู้ข้อเท็จจริงเป็นข้อแก้ตัวได้ "
0034 " ความไม่รู้ในสิ่งซึ่งกฎหมายถือว่าต้องรู้ไม่เป็นข้อแก้ตัว "
0035 " ความไม่รู้กฎหมายไม่เป็นข้อแก้ตัว "
0036 " การไร้ความสามารถคงเป็นข้อแก้ตัวได้ตามกฎหมาย "
0037 " เมื่อมีสิทธิเสมอกันแล้ว ผู้ครอบครองทรัพย์สินย่อมมีสิทธิดีกว่า "
0038 " ในคดีอาญาทั้งมวล ควรจะพิสูจน์ให้ประจักษ์แจ้งดั่งแสงตะวัน "
0039 " กฎหมายรับรู้กับสิ่งที่อยู่ใกล้กับเหตุเท่านั้น "
0040 " สองผิดจะไม่ทำให้เป็นถูกขึ้นเลย "
0041 " ในพินัยกรรมนั้นเราจักต้องค้นหาเจตนารมณ์ของผู้ตายให้จงได้ "
0042 " ตุลาการควรคำนึงถึงความยุติธรรมเสมอ "
0043 " สิทธิมหาชนย่อมมาก่อนสิทธิเอกชน "
0044 " กฎหมายออกโดยอำนาจนิติบัญญัติ จะเลิกไปก็โดยอำนาจนิติบัญญัติ "
0045 " กฎหมายย่อมเคารพต่อความเป็นธรรม "
0046 " ความยุติธรรมไม่เป็นสิ่งที่จะพึงปฏิเสธหรือผัดผ่อน "
0047 " กฎหมายย่อมช่วยผู้บริสุทธิ์ "
0048 " กฎหมายย่อมมุ่งถึงสิ่งอนาคตไม่ใช่สิ่งอดีต "
0049 " กฎหมายท้องถิ่นย่อมใช้บังคับแก่การกระทำในท้องถิ่นนั้น "
0050 " ผู้ปล่อยคนผิด คือ ผู้สร้างความหวาดเกรงให้แก่ผู้บริสุทธิ์ "
0051 " กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา "
0052 " ความเป็นธรรมย่อมดำเนินตามกฎหมาย "
0053 " ความเป็นธรรมย่อมไม่ขัดแย้งกับกฎหมาย "
0054 " กฎหมายให้ความเป็นธรรมมากกว่าปุถุชน "
0055 " กฎหมายย่อมจักทำให้เหมาะสมกับคดีที่เกิดขึ้นเป็นเนืองนิตย์ "
0056 " การรับสินจ้างรางวัลในการตัดสินความเท่ากับเป็นการข่มขู่เรียกเอารางวัลนั้น "
0057 " การเลินเล่ออย่างร้ายแรงก็เท่ากับจงใจกระทำความผิด "
0058 " เมื่อมีกฎหมายอันไม่แน่นอน ย่อมมีผลเท่ากับไม่มีกฎหมาย "
0059 " เมื่อไม่มีตัวการ ย่อมไม่มีผู้สนับสนุน "
0060 " เมื่อมีสิทธิย่อมสมควรมีทางบังคับตามสิทธินั้นด้วย "
0061 " เมื่อมีเหตุอย่างเดียวกัน ย่อมต้องใช้กฎหมายอย่างเดียว
0062 " พยานปากเดียวมีผลเสมือนไม่มีพยาน "
0063 " พึงชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานแทนการนับจำนวนพยาน "
0064 " บทบัญญัติอันสูงสุดคือบทบัญญัติที่ส่งเสริมศาสนา "
0065 " กฎหมายสิทธิพิเศษยกเว้นกฎหมายทั่วไป "
0066 " เมื่อผู้ซื้อถูกครองสิทธิทั้งหมดหรือบางส่วน ผู้ซื้ออาจไล่เบี้ยเอาแก่ผู้ขายได้ "
0067 " ประโยชน์สุขขของประชาชนย่อมเป็นกฎหมายสูงสุด "
0068 " เจ้าของไม่อาจมีภาระจำยอมเหนือทรัพย์ของตนเอง "
0069 " ภัยพิบัติอันเกิดแก่ทรัพย์ย่อมตกแก่เจ้าของทรัพย์ "
0070 " เหตุการณ์ย่อมแจ้งอยู่ในตัว "
0071 " คดีความซึ่งฟ้องร้องระหว่างคู่ความไม่ควรจะทำให้บุคคลภายนอกเสียหาย "
0072 " สิ่งอุปกรณ์ย่อมตามสิ่งประธาน "
0073 " ราชอาณาจักรเป็นสิ่งซึ่งไม่อาจแบ่งแยกได้ "
0074 " การให้สัตยาบันก็เปรียบเสมือนการสั่งให้กระทำ "
0075 " ทรัพย์ไม่มีเจ้าของตกเป็นของแผ่นดิน "
0076 " ถือว่าผู้ที่นิ่งเฉยได้ให้ความยินยอม "
0077 " ใครมาก่อนผู้นั้นย่อมมีสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายได้สูงสุด "
0078 " ผู้ออกคำสั่งย่อมเป็นผู้กระทำ "
0079 " ผู้ใดใช้ให้ผู้อื่นกระทำการอย่างใดถือว่าผู้นั้นได้กระทำการนั้นด้วยตนเอง "
0080 " สิ่งใดติดกับที่ดิน ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของที่ดิน "
0082 " เมื่อสิ่งประธานถูกทำลาย สิ่งอุปกรณ์ย่อมสิ้นสุดลงด้วย "
0083 " ความจำเป็นอาจใช้เป็นข้อต่อสู้ได้ "
0084 " สัญญาเอกชนจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นไม่ได้เป็นอันขาด "
0085 " ผู้ครอบครองย่อมมีสิทธิดีกว่าผู้อื่น "
0086 " ประจักษ์พยานหนึ่งปากดีกว่าพยานบอกเล่าสิบปาก "
0087 " ไม่พึงมีการเพิ่มประเด็นระหว่างมีการพิจารณาคดี "
0088 " ลูกสัตว์ย่อมเป็นทรัพย์อันตกแก่ผู้เป็นเจ้าของเม่สัตว์ "
0089 " กรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้างย่อมตามกรรมสิทธิ์ในที่ดิน "
0090 " ความเคารพต่อกฎหมายเป็นปัจจัยสำคัญแห่งกฎหมาย "
0091 " ไม่มีกฎหมายไม่มีการลงโทษ "
0092 " จะทำสัญญายกเว้นความรับผิดอันเกิดจากการฉ้อฉลมิได้ "
0093 " กฎหมายใหม่พึงใช้บังคับในอนาคตหาควรมีผลบังคับย้อนหลังไม่ "
0094 " ไม่มีผู้ใดจะถูกลงโทษเพราะการกระทำของบุคคลอื่น "
0095 " บุคคลย่อมจะเป็นผู้ตัดสินคดีของตนเองไม่ได้ "
0096 " ฟ้องซ้ำต้องห้าม "
0097 " ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน "
0098 " บุคคลจะต้องไม่ถูกลงโทษสองครั้งสำหรับความผิดอันเดียวกัน "
0099 " กฎหมายซึ่งมีเหตุผลย่อมได้รับคำสรรเสริญยิ่ง "
0100 ผู้เยาว์ไม่อาจสาบานตัว "
0052 " ความเป็นธรรมย่อมดำเนินตามกฎหมาย "
0053 " ความเป็นธรรมย่อมไม่ขัดแย้งกับกฎหมาย "
0054 " กฎหมายให้ความเป็นธรรมมากกว่าปุถุชน "
0055 " กฎหมายย่อมจักทำให้เหมาะสมกับคดีที่เกิดขึ้นเป็นเนืองนิตย์ "
0056 " การรับสินจ้างรางวัลในการตัดสินความเท่ากับเป็นการข่มขู่เรียกเอารางวัลนั้น "
0057 " การเลินเล่ออย่างร้ายแรงก็เท่ากับจงใจกระทำความผิด "
0058 " เมื่อมีกฎหมายอันไม่แน่นอน ย่อมมีผลเท่ากับไม่มีกฎหมาย "
0059 " เมื่อไม่มีตัวการ ย่อมไม่มีผู้สนับสนุน "
0060 " เมื่อมีสิทธิย่อมสมควรมีทางบังคับตามสิทธินั้นด้วย "
0061 " เมื่อมีเหตุอย่างเดียวกัน ย่อมต้องใช้กฎหมายอย่างเดียว
0062 " พยานปากเดียวมีผลเสมือนไม่มีพยาน "
0063 " พึงชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานแทนการนับจำนวนพยาน "
0064 " บทบัญญัติอันสูงสุดคือบทบัญญัติที่ส่งเสริมศาสนา "
0065 " กฎหมายสิทธิพิเศษยกเว้นกฎหมายทั่วไป "
0066 " เมื่อผู้ซื้อถูกครองสิทธิทั้งหมดหรือบางส่วน ผู้ซื้ออาจไล่เบี้ยเอาแก่ผู้ขายได้ "
0067 " ประโยชน์สุขขของประชาชนย่อมเป็นกฎหมายสูงสุด "
0068 " เจ้าของไม่อาจมีภาระจำยอมเหนือทรัพย์ของตนเอง "
0069 " ภัยพิบัติอันเกิดแก่ทรัพย์ย่อมตกแก่เจ้าของทรัพย์ "
0070 " เหตุการณ์ย่อมแจ้งอยู่ในตัว "
0071 " คดีความซึ่งฟ้องร้องระหว่างคู่ความไม่ควรจะทำให้บุคคลภายนอกเสียหาย "
0072 " สิ่งอุปกรณ์ย่อมตามสิ่งประธาน "
0073 " ราชอาณาจักรเป็นสิ่งซึ่งไม่อาจแบ่งแยกได้ "
0074 " การให้สัตยาบันก็เปรียบเสมือนการสั่งให้กระทำ "
0075 " ทรัพย์ไม่มีเจ้าของตกเป็นของแผ่นดิน "
0076 " ถือว่าผู้ที่นิ่งเฉยได้ให้ความยินยอม "
0077 " ใครมาก่อนผู้นั้นย่อมมีสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายได้สูงสุด "
0078 " ผู้ออกคำสั่งย่อมเป็นผู้กระทำ "
0079 " ผู้ใดใช้ให้ผู้อื่นกระทำการอย่างใดถือว่าผู้นั้นได้กระทำการนั้นด้วยตนเอง "
0080 " สิ่งใดติดกับที่ดิน ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของที่ดิน "
0082 " เมื่อสิ่งประธานถูกทำลาย สิ่งอุปกรณ์ย่อมสิ้นสุดลงด้วย "
0083 " ความจำเป็นอาจใช้เป็นข้อต่อสู้ได้ "
0084 " สัญญาเอกชนจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นไม่ได้เป็นอันขาด "
0085 " ผู้ครอบครองย่อมมีสิทธิดีกว่าผู้อื่น "
0086 " ประจักษ์พยานหนึ่งปากดีกว่าพยานบอกเล่าสิบปาก "
0087 " ไม่พึงมีการเพิ่มประเด็นระหว่างมีการพิจารณาคดี "
0088 " ลูกสัตว์ย่อมเป็นทรัพย์อันตกแก่ผู้เป็นเจ้าของเม่สัตว์ "
0089 " กรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้างย่อมตามกรรมสิทธิ์ในที่ดิน "
0090 " ความเคารพต่อกฎหมายเป็นปัจจัยสำคัญแห่งกฎหมาย "
0091 " ไม่มีกฎหมายไม่มีการลงโทษ "
0092 " จะทำสัญญายกเว้นความรับผิดอันเกิดจากการฉ้อฉลมิได้ "
0093 " กฎหมายใหม่พึงใช้บังคับในอนาคตหาควรมีผลบังคับย้อนหลังไม่ "
0094 " ไม่มีผู้ใดจะถูกลงโทษเพราะการกระทำของบุคคลอื่น "
0095 " บุคคลย่อมจะเป็นผู้ตัดสินคดีของตนเองไม่ได้ "
0096 " ฟ้องซ้ำต้องห้าม "
0097 " ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน "
0098 " บุคคลจะต้องไม่ถูกลงโทษสองครั้งสำหรับความผิดอันเดียวกัน "
0099 " กฎหมายซึ่งมีเหตุผลย่อมได้รับคำสรรเสริญยิ่ง "
0100 ผู้เยาว์ไม่อาจสาบานตัว "
ส่วนใหญ่ที่เราเห็นว่าสามีภรรยาตกลงยอมความกันได้ที่สถานีตำรวจนั้น เป็นเพียงการด่าทอ ดูหมิ่น หรือตบตีกันไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเปรียบเทียบปรับที่สถานีตำรวจได้เท่านั้น หากว่าได้รับอันตรายถึงแก่กายหรือจิตใจ ก็ไม่อาจยอมความกันได้ จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด โดยให้ศาลเป็นผู้ใช้ดุลพินิจพิจารณาตัดสิน
ดังนั้น ความเข้าใจผิดเรื่องสามีภรรยาสามารถตบตีทำร้ายกันได้ ครูอาจารย์โบยตีลูกศิษย์ บิดามารดาฟาดตีเด็กในปกครอง จึงเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ผู้กระทำต้องรับโทษอาญา ไม่ว่าจะเป็นจำคุก ปรับ แล้วแต่ดุลพินิจของศาล อีกอย่างหนึ่งซึ่งพึงเตือนใจก่อนใช้กำลังทำร้ายคนอื่นด้วยว่า หญิงซึ่งเป็นภรรยาก็ไม่มีอภิสิทธิ์ในการทำร้ายร่างกายของสามีด้วย ส่วนเด็กที่ทำร้ายพ่อแม่ปู่ย่าตายายซึ่งถือเป็นบุพการี จักต้องรับโทษหนักพิเศษ เพราะสังคมไม่ส่งเสริมพฤติกรรมเช่นนี้และไม่ต้องการให้ใครถือเป็นเยี่ยง อย่างด้วย
| iLaw.or.th
การมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกตั้ง
การมีส่วนร่วมการมีส่วนร่วม คือ การเปิดโอกาสให้ประชาชนไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมในลักษณะของการร่วมรับรู้ ร่วมคิด ร่วมทำ ในสิ่งที่มีผลกระทบต่อตนเองหรือชุมชน
ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมในลักษณะของการร่วมรับรู้ ร่วมคิด ร่วมทำ ในสิ่งที่มีผลกระทบต่อตนเองหรือชุมชน
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550
หมวด 5 แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ส่วนที่ 10 แนวนโยบายด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน กำหนดให้รัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน ดังต่อไปนี้
หมวด 5 แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ส่วนที่ 10 แนวนโยบายด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน กำหนดให้รัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน ดังต่อไปนี้
- ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น
- ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการตัดสินใจทางการเมือง การวางแผนพัฒนาทางเศรษฐกิจ และสังคม รวมทั้งการจัดทำบริการสาธารณะ
- ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกระดับในรูปแบบองค์กรทางวิชาชีพหรือตามสาขา อาชีพที่หลากหลายหรือรูปแบบอื่น
- ส่งเสริมให้ประชาชนมีความเข้มแข็งในทางการ เมือง และจัดให้มีกฎหมายจัดตั้งกองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมืองเพื่อช่วยเหลือการ ดำเนินกิจกรรมสาธารณะของชุมชน รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินการของกลุ่มประชาชนที่รวมตัวกันในลักษณะเครือข่าย ทุกรูปแบบให้สามารถแสดงความคิดเห็นและเสนอความต้องการของชุมชนในพื้นที่
- ส่งเสริมและให้การศึกษาแก่ประชาชนที่เกี่ยว กับการพัฒนาการเมืองและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนได้ใช้สิทธิเลือกตั้งโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
และหมวด 7 ให้อำนาจแก่ประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรง สามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
- ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10,000 คน มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานรัฐสภาเพื่อให้รัฐสภาพิจารณาร่างพระราช บัญญัติ (การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย)
- ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 20,000 คน มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภาเพื่อให้วุฒิสภาถอดถอนบุคคลผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง (นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครอง หรืออัยการสูงสุด รวมถึง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดินและกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้พิพากษาหรือตุลาการ พนักงานอัยการหรือผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง) ด้วยเหตุมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ
- ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่
- ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
- ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม
- ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างรุนแรง
- ผู้มีสิทธิเลือกตั้งย่อมมีสิทธิออกเสียง ประชามติ เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในกิจการตามที่จัดให้มีการออกเสียงประชามติ แบ่งเป็นกรณีดังต่อไปนี้
- กรณีที่อาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของประเทศชาติหรือประชาชน
- กรณีที่มีกฎหมายบัญญัติให้มีการออกเสียงประชามติ
โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีหน้าที่ในการเผยแพร่วิชาการ ให้ความรู้และการศึกษาแก่ประชาชนรวมทั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งเกี่ยวกับการ พัฒนาการเมืองและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข การส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน และการส่งเสริมให้ประชาชนได้ใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยสุจริตและเที่ยงธรรม
ด้านกิจการการมีส่วนร่วม
มีอำนาจหน้าที่ให้การศึกษาเรียนรู้ การรณรงค์เผยแพร่ความรู้ทางการเมืองและการเลือกตั้งแก่ประชาชน รวมทั้งดำเนินการให้ประชาชน คณะบุคคล องค์การเอกชน และประชาคมจังหวัด มีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาทางการเมืองและการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แบ่งส่วนงานออกเป็น
สำนักการมีส่วนร่วมในกระบวนการเลือกตั้ง มีหน้าที่สำคัญ 2 ประการ คือ
- การให้การศึกษาเกี่ยวกับการปกครอง ระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การส่งเสริมความรู้และทักษะแก่ประชาชน ให้มีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมืองและการเลือกตั้ง
- การรับรองและแต่งตั้งผู้แทนองค์การเอกชนทำหน้าที่ในการตรวจสอบการเลือกตั้ง
สำนักรณรงค์และเผยแพร่ มีหน้าที่ที่สำคัญ 2 ประการ คือ
- การส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง
- การเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจและข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเมืองการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย และการเลือกตั้ง ผ่านสื่อรณรงค์ กิจกรรมรูปแบบต่างๆ
งานการมีส่วนร่วม สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา มีหน้าที่สำคัญ คือ
1. การ ให้การศึกษาเกี่ยวกับการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข การส่งเสริมความรู้และทักษะแก่ประชาชน ให้มีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมืองและการเลือกตั้ง
2. การรับรองและแต่งตั้งผู้แทนองค์การเอกชนทำหน้าที่ในการตรวจสอบการ เลือกตั้ง
3. การส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง
- การเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจและข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเมืองการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย และการเลือกตั้ง ผ่านสื่อรณรงค์ กิจกรรมรูปแบบต่างๆ
การมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการเลือกตั้ง
การเลือกตั้งเป็นสิทธิและหน้าที่ของ ประชาชน ชาวไทยทุกคน ที่มีอายุครบ ๑๘ ปีบริบูรณ์ เพื่อไปทำหน้าที่คัดเลือกตัวแทนของตนเข้าไปออกกฎหมายและเข้าไปบริหารประเทศ ดังนั้น ประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง และทำให้การเลือกตั้งสุจริตและเที่ยงธรรม ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการเลือกตั้งได้ดังนี้
- สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง
- สอดส่องดูแลการเลือกตั้ง แจ้งเหตุหรือเบาะแสการทุจริตซื้อสิทธิขายเสียง
- ใช้สิทธิเลือกตั้งโดยพร้อมเพรียง
- ร่วมตรวจสอบการเลือกตั้งโดยเป็นสมาชิกหรืออาสาสมัครขององค์การเอกชนที่คณะกรรมการการเลือกตั้งรับรองให้ตรวจสอบการเลือกตั้ง
- ร่วมเป็นเจ้าหน้าที่จัดการเลือก ตั้งใน ระดับต่างๆ เช่น กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง กรรมการนับคะแนน กรรมการการเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง เป็นต้น
การมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง สามารถจำแนกรายละเอียดได้ดังนี้
กิจกรรมการมีส่วนร่วมก่อนการเลือกตั้ง
- ตรวจบัญชีรายชื่อว่าตนเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งหรือไม่
- ตรวจสอบพรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้ง
- ร่วมรณรงค์เลือกตั้ง
- ฟังการปราศรัยนโยบายของผู้สมัครและพรรคการเมือง
- สอดส่องดูแลพฤติกรรมที่มิชอบ
- ศึกษาประวัติผู้สมัคร
- ให้การศึกษาแก่ประชาชน
- การต่อรองนโยบายของพรรคการเมือง
กิจกรรมการมีส่วนร่วมระหว่างการเลือกตั้ง
- สังเกตการณ์การซื้อเสียง
- ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
- ติดตามการนับคะแนน
- ร่วมเป็นคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง
- แจ้งเหตุหากพบเหตุการณ์ผิดปกติ
- ชักชวนประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
- ไม่รับเงินซื้อเสียง
- ตรวจสอบดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปตามกติกา
กิจกรรมการมีส่วนร่วมหลังการเลือกตั้ง
- ติดตามผลการเลือกตั้ง
- ติดตามผลการใช้สิทธิเลือกตั้ง
- ติดตามการจัดตั้งรัฐบาล
- ติดตามตรวจสอบการทำงานของผู้แทนที่เราเลือก
- แสดงพลังกลุ่มถอดถอนนักการเมือง ถ้าพบว่ามีการกระทำโดยมิชอบ
การมีส่วนร่วมในรูปแบบของกลุ่มผลประโยชน์
การรวมตัวกันของบุคคลเป็นกลุ่มบุคคลหรือองค์กรในสังคม มีเป้าหมายหลักอยู่ที่การรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มตนเท่านั้น โดยไม่มีเป้าหมายที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศแต่อย่างใด สำหรับเป้าหมายของแต่ละกลุ่มจะแตกต่างกันไป บางกลุ่มอาจเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามสิ่งที่กลุ่มตนต้องการ เช่น การเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน ราคาพืชผลการเกษตร หรือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่กลุ่มของตน หรืออาจเรียกร้องให้รัฐบาลจัดทำนโยบายหรือโครงการที่กลุ่มตนจะได้เป็นโยชน์ เป็นต้น
การรวมตัวกันของบุคคลเป็นกลุ่มบุคคลหรือองค์กรในสังคม มีเป้าหมายหลักอยู่ที่การรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มตนเท่านั้น โดยไม่มีเป้าหมายที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศแต่อย่างใด สำหรับเป้าหมายของแต่ละกลุ่มจะแตกต่างกันไป บางกลุ่มอาจเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามสิ่งที่กลุ่มตนต้องการ เช่น การเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน ราคาพืชผลการเกษตร หรือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่กลุ่มของตน หรืออาจเรียกร้องให้รัฐบาลจัดทำนโยบายหรือโครงการที่กลุ่มตนจะได้เป็นโยชน์ เป็นต้น
การมีส่วนร่วมในรูปแบบของพรรคการเมือง
การรวมกลุ่มของบุคคลที่มีความเชื่อทางการเมืองคล้ายคลึงกัน มีเป้าหมายหลักอยู่ที่การส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อไปทำหน้าที่ทั้ง ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ อย่างไรก็ตามการเข้ามารวมตัวกันในรูปแบบพรรคการเมืองยังมีเป้าหมายอื่นอีก เช่น การให้การศึกษาทางการเมืองแก่ประชาชน การดูแลและรักษาผลประโยชน์ของส่วนร่วม การสร้างผู้นำทางการเมือง การควบคุมและติดตามตรวจสอบทางการเมือง ฯลฯ ในส่วนของประชาชนสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในพรรคการเมืองได้ เช่น การสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง การบริจาคเงินสนับสนุนกิจกรรมของพรรคการเมือง การช่วยรณรงค์หาเสียงในช่วงที่มีการเลือกตั้ง เป็นต้น
การมีส่วนร่วมในรูปแบบของการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
การออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ถือเป็นรูปแบบการมีส่วนร่วมที่สำคัญของการบริหารประเทศภายใต้ระบอบ ประชาธิปไตย แต่สิ่งที่ควรตระหนักคือ จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวนมากไม่ได้หมายความถึงความเป็นประชาธิปไตย ของประเทศ หากแต่การใช้สิทธิเลือกตั้งในรูปแบบประชาธิปไตยที่แท้จริง ต้องมีลักษณะดังนี้
การใช้สิทธิโดยอิสระ คือ การใช้สิทธิเลือกตั้งต้องเกิดจากความสมัครใจ ไม่ได้เกิดมาจากการบังคับหรือข่มขู่หรือสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนในการออกไปใช้ สิทธิเลือกตั้ง
การเลือกตั้งโดยลับ การออกเสียงต้องกระทำแต่เพียงลำพัง โดยไม่มีผู้อื่นอยู่ร่วมด้วย หรือสามารถล่วงรู้ได้ว่าผู้มีสิทธิเลือกผู้สมัครคนใดหรือออกเสียงอย่างไร การออกเสียงเลือกตั้งของบุคคล ไม่สามารถประกาศให้ทราบเป็นการทั่วไปได้
ความเสมอภาคในการเลือกตั้ง บุคคลแต่ละคนมีสิทธิออกเสียงได้คนละหนึ่งเสียงเท่านั้น
ความเป็นกลาง บุคคลที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวกับในการเลือกตั้งทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม ไม่ลำเอียงเข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
การเลือกตั้งโดยลับ การออกเสียงต้องกระทำแต่เพียงลำพัง โดยไม่มีผู้อื่นอยู่ร่วมด้วย หรือสามารถล่วงรู้ได้ว่าผู้มีสิทธิเลือกผู้สมัครคนใดหรือออกเสียงอย่างไร การออกเสียงเลือกตั้งของบุคคล ไม่สามารถประกาศให้ทราบเป็นการทั่วไปได้
ความเสมอภาคในการเลือกตั้ง บุคคลแต่ละคนมีสิทธิออกเสียงได้คนละหนึ่งเสียงเท่านั้น
ความเป็นกลาง บุคคลที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวกับในการเลือกตั้งทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม ไม่ลำเอียงเข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
การมีส่วนร่วมในรูปแบบของการแสดงออก
บุคคลมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การเขียน การพูด การโฆษณา การพิมพ์ซึ่งการแสดงออกเหล่านี้อาจอยู่ในรูปแบบของการวิพากษ์ วิจารณ์ตามสื่อต่าง ๆ รัฐบาลต้องไม่ขัดขวางหรือห้ามปรามการแสดงออกของประชาชน รัฐต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นก่อนลงมือดำเนินการทำกิจการใด ที่มีผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนและชุมชน รวมทั้งความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ
การมีส่วนร่วมถือเป็นหัวใจสำคัญของการ บริหารประเทศตามระบอบประชาธิปไตย ประชาชนต้องตระหนักว่า ตนเป็นเจ้าของประเทศและต้องเข้าไปรับผิดชอบในกิจการของบ้านเมืองในทุกโอกาส ที่สามารถกระทำได้ ต้องไม่ละเลยหรือเพิกเฉย และควรส่งเสริมคนดีให้เข้ามาบริหารบ้านเมือง
แนวทางการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน
- สนใจ ติดตามข่าวสารด้านการเมือง
- ติดตามตรวจสอบการทำงานของนักการเมือง
- สนับสนุนผู้สมัครและนักการเมืองที่ดี
- ต่อต้านนักการเมืองที่ไม่ดี
- ให้ความร่วมมือกับทางราชการ ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองที่ดี
- คัดค้านนโยบายที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ส่วนรวม
- ศึกษาข้อเท็จจริงให้ถี่ถ้วน
- เสนอปัญหาให้หน่วยงานแก้ไข
- ชุมนุมคัดค้านโดยไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น
- ปกป้องคุ้มครองสิทธิของตนมิให้ถูกละเมิด
- เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจทางการเมืองที่ถูกต้อง
ระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน
- การติดตามข่าวสารบ้านเมือง
- การใช้สิทธิเลือกตั้ง
- ริเริ่มพูดคุยประเด็นการเมือง
- ชักจูง รณรงค์ให้ผู้อื่นสนับสนุนบุคคลและพรรคการเมืองที่ตนสนับสนุน
- เสนอแนวคิด นโยบายต่อนักการเมืองและผู้นำทางการเมือง
- บริจาคเงินสนับสนุนกิจกรรมทางการเมือง
- ร่วมประชุมรณรงค์ในการเคลื่อนไหวทางการเมือง
- เป็นสมาชิกระดับแกนนำพรรคการเมือง
- ร่วมระดมทุน
- เสนอตัวเป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
- ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
บันไดขั้นที่ 1 สนใจติดตามข่าวสารและกิจกรรมทางการเมือง
บันไดขั้นที่ 2 เริ่มพูดคุยประเด็นทางการเมือง
บันไดขั้นที่ 3 ศึกษานโยบายของผู้สมัครและพรรคการเมือง
บันไดขั้นที่ 4 แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องทางการเมืองและการเลือกตั้งร่วมกับผู้อื่น
บันไดขั้นที่ 5 เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองและการเลือกตั้งในชุมชน
บันไดขั้นที่ 6 จัดกิจกรรมทางการเมืองและการเลือกตั้งในชุมชน
บันไดขั้นที่ 7 รณรงค์สนับสนุนบุคคลและพรรคที่ตนนิยม
บันไดขั้นที่ 8 เป็นอาสาสมัครสอดส่องและช่วยเหลือการเลือกตั้ง
บันไดขั้นที่ 9 ตัดสินใจเลือกตั้งตัวแทนอย่างรู้เท่านั้น
บันไดขั้นที่ 10 ติดตามตรวจสอบการทำงานของนักการเมือง พรรคการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐ
อ้างอิงจาก คณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดฉะเชิงเทรา
🐨🐼🐻
Email Tips: Top 10 Strategies for Writing Effective Email
กฏหมายครอบครัว
เมื่อผู้ใดย้ายถิ่นที่อยู่ใหม่จะต้องมีการแจ้งย้ายให้ถูกต้องตามกฎหมาย หากไม่แจ้งย้ายนอกจากจะเป็นการปฏิบัติที่ผิดกฎหมาย ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท แล้ว ยังทำให้ผู้นั้นเสียสิทธิต่างๆ และรวมถึงการมิได้รับบริการจากรัฐอีกด้วย
หน้าที่ของผู้แจ้งการย้ายที่อยู่
1. เมื่อผู้อยู่ในบ้านย้ายที่อยู่ออกจากบ้าน ให้เจ้าบ้านแจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้ง ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ผู้นั้นย้ายออกไป โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
2. เมื่อมีผู้ย้ายที่อยู่เข้ามาอยู่ในบ้าน ให้เจ้าบ้านแจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้ง ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ผู้นั้นย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน ทั้งนี้ ให้นำหลักฐานการย้ายออกไปแสดงต่อนายทะเบียนด้วย โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
3. การแจ้งย้ายปลายทางเป็นกรณีนอกเหนือจากข้อ 1 และข้อ 2 ซึ่งผู้ย้ายที่อยู่จะเป็นผู้ย้ายออก และย้ายเข้าต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ที่ไปอยู่ใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันย้ายออก โดยสำเนาทะเบียนบ้านพร้อมคำยินยอมเป็นหนังสือของเจ้าบ้านที่เข้าไปอยู่ใหม่แสดงต่อนายทะเบียนและเสียค่าธรรมเนียม 10 บาท (กรณีย้ายปลายทางธรรมดา) ค่าธรรมเนียม 20 บาท (กรณีปลายทางอัตโนมัติ)
4. เมื่อผู้อยู่ในบ้านออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นเกิน 180 วัน และเจ้าบ้านไม่ทราบว่าผู้นั้นไปอยู่ที่ใด เจ้าบ้านต้องแจ้งการย้ายออกโดยไม่ทราบที่อยู่ต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้ง ภายใน 30 วัน นับแต่วันครบ 180 วัน ซึ่งนายทะเบียนจะเพิ่มขึ้นในทะเบียนกลางต่อไป
สถานที่รับแจ้งการย้ายที่อยู่และผู้มีหน้าที่รับแจ้ง
1. กรณีการย้ายที่อยู่นอกเขตเทศบาล ณ ท้องที่ใด ให้ผู้มีหน้าที่แจ้งการย้ายที่อยู่ต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้ง คือ กำนัน หรือผู้ใหญ่บ้านในท้องที่นั้นหรือปลัดอำเภอนั้น เว้นแต่การแจ้งย้ายที่อยู่เกินกำหนดเวลาจะต้องดำเนินการ ณ ที่ว่าการอำเภอ/กิ่งอำเภอ นั้น
2. กรณีเป็นการย้ายที่อยู่ในเขตเทศบาลหรือกรุงเทพมหานคร ให้ผู้มีหน้าที่แจ้งการย้ายที่อยู่ต่อ นายทะเบียนท้องถิ่น ณ สำนักงานเทศบาล หรือสำนักงานเขตนั้นๆ แล้วแต่กรณี
หลักฐานที่จะต้องนำไปแจ้งเกี่ยวกับการย้ายที่อยู่การย้ายออก
ให้นำหลักฐานดังต่อไปนี้ไปแสดง
1. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
2. บัตรประจำตัวของเจ้าบ้าน
3. บัตรประจำตัวของผู้ได้รับมอบหมายจากเจ้าบ้าน (กรณีการมอบหมายให้ทำหน้าที่แทน)
การย้ายเข้า
ให้นำหลักฐานดังต่อไปนี้ไปแสดง
1. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
2. บัตรประจำตัวของเจ้าบ้าน
3. บัตรประจำตัวของผู้ได้รับมอบหมายจากเจ้าบ้าน
4. หนังสือมอบหมายจากเจ้าบ้าน (ถ้ามี)
5. ใบแจ้งการย้ายที่อยู่ (ตอนที่ 1 และตอนที่ 2)
กรณีใบแจ้งการย้ายที่อยู่สูญหาย หรือชำรุดในสาระสำคัญ ก่อนนำไปย้ายเข้า ผู้ย้ายสามารถขอใบแทนได้ที่นายทะเบียนผู้แจ้งแห่งท้องที่ที่ออกใบแจ้งการย้ายที่อยู่ โดยยื่นคำร้องพร้อมสำเนาการแจ้งความประกอบเรื่อง หรือนำใบแจ้งย้ายที่อยู่ซึ่งชำรุดไปแสดง
ที่มา http://www.wangpaicity.com/cont_method/birth.html
ประเภทของสิทธิมนุษยชน แบ่งได้ 5 ประเภท ทั้งนี้ เป็นไปตาม Universal Declaration of Human Rights ได้แก่
1. สิทธิพลเมือง (Civil Rights) ได้แก่ สิทธิในชีวิตและร่างกาย เสรีภาพและความมั่นคงในชีวิต ไม่ถูกทรมาน ไม่ถูกทำร้ายหรือฆ่า สิทธิในความเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย สิทธิที่จะได้รับสัญชาติ เป็นต้น
2. สิทธิทางการเมือง (Political Rights) ได้แก่ สิทธิในการมีส่วนร่วมกับรัฐในการดำเนินกิจการที่เป็นประโยชน์สาธารณะ เสรีภาพในการรวมกลุ่มเป็นพรรคการเมือง เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ สิทธิการเลือกตั้งอย่างเสรี
3. สิทธิทางสังคม (Social Rights) ได้แก่ สิทธิการได้รับการศึกษา สิทธิการได้รับหลักประกันด้านสุขภาพ ได้รับการพัฒนาบุคลิกภาพอย่างเต็มที่ ได้รับความมั่นคงทางสังคม มีเสรีภาพในการเลือกคู่ครอง และสร้างครอบครัว เป็นต้น
4. สิทธิทางเศรษฐกิจ (Economic Rights) ได้แก่ สิทธิการมีงานทำ ได้เลือกงานอย่างอิสระ และได้รับค่าจ้างที่เหมาะสม สิทธิในการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน เป็นต้น
5. สิทธิทางวัฒนธรรม (Cultural Rights) ได้แก่ การมีเสรีภาพในการใช้ภาษาหรือสื่อความหมายในภาษาท้องถิ่นของตน มีเสรีภาพในการแต่งกายตามวัฒนธรรม การปฏิบัติตามวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นของตน การปฏิบัติตามความเชื่อทางศาสนา การพักผ่อนหย่อนใจทางศิลปวัฒนธรรมและการบันเทิงได้โดยไม่มีใครมาบีบบังคับ เป็นต้น
กฏหมายอาคารสูง (คอนโดสูง) High rise
อ้างอิงจาก Thanulaw.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น